ตอนแรกเราก็ต้องเริ่มจากโน๊ตทั้ง 7 ตัวของโลกดนตรีก่อนเลย ผมการันตีว่าทุกคนคงรู้ว่าโน๊ตทั้ง 7 ตัวนั้นมีอะไรบ้างนั่นก็คือ
“โด เร มี ฟา ซอล ลา ที” หรือ “C D E F G A B”
คำเตือน ต่อจากนี้ผมจะใช้ C D E F G A B ในการสื่อถึงโน๊ต โด เร มี ฟา ซอล นะครับ เพราะว่าเป็นสากลกว่าและจะใช้ Key C ในทุกๆตัวอย่างที่จะอธิบาย(ผมจะบอกต่อว่าทำไม)
โน๊ต ใน Major Scale นั้นถือเป็นพื้นฐานแรกที่เราควรรู้เพราะมันเหมือนเป็นพื้นฐานขั้นแรกสุดของโลกดนตรี โดยที่ ระยะห่าง ของโน๊ตแต่ละตัวนั้นจะห่างกัน 1 เสียงนั้นหมายความว่ามันจะมี ครึ่งเสียง ด้วยนั้นเอง แต่ใน Major Scale นั้นโน๊ตตัวที่ 3-4 และ 7-8 นั้นจะห่างแค่ครึ่งเสียงเท่านั้น นั่นหมายความว่าตัว E ไป F จะไม่มีครึ่งเสียงตรงกลาง และ B ไป C จะไม่มีตรงกลางครึ่งเสียงนั่นเอง ทีนี้เราจะเห็นว่าถ้าเราใช้ Key C เนี่ยโน๊ตทุกตัวมันจะไม่ติดเสียงกลาง หรือก็คือพวก Sharp(#) หรือ Flat(b) นั้นเอง ผมจึงบอกก่อนหน้าว่าพวกตัวอย่างหรือแบบฝึกหัดที่ผมมักจะทำหรือจะเริ่มก็จะเริ่มจาก Key C ก่อนเนี่ยแหละเพราะว่ามันเข้าใจง่ายไม่งงนั่นเอง
C D E F G A B C
1 2 3 4 5 6 7 8
แล้วถ้าเราจะเปลี่ยน Key เป็น Key อื่นๆ หล่ะ ใน Major Scale ก็จะแบ่งไปได้ 2 ทาง อีกนั่นก็คือ ทาง Sharp(#) และทาง Flat(b) พูดง่ายๆเลยก็คือเหมือนเป็นสูตรในการเขียน Key อื่นๆ อย่างง่ายโดยต่อยอดจาก Key C อีกทีหนึ่ง
- Major Scale ทาง Sharp(#)
– ให้นับจากคู่ 5 ของ Key C (พูดง่ายๆเลยก็คือให้เอาตัวที่ 5 ของ Key C มาเริ่มต้น Key ใหม่แล้วเขียน Note ไล่ไปเหมือนเดิมจนครบ 7 ตัว)
– ให้ใส่ Sharp(#) ไปที่ตัวที่ 7
– เท่านี้ก็ถือว่าเป็นอันเสร็จแล้วในการเขียน Key ใหม่ขึ้นมาแบบง่ายๆโดยที่เราไม่ต้องมานั่งไล่นับว่าตัวที่ 3-4, 7-8, E-F, B-C ห่างกันครึ่งเสียงให้ งง
– พอเราจะเขียนอีก Key เราก็ทำแบบเดิม ให้จับคู่ 5 มาเขียนใหม่เติม # ไปที่ตัวที่ 7 และ อย่าลืม note ที่ติด # จาก Key ก่อนหน้าต้องตามมาที่ Key ใหม่เสมอ
– เราก็ไล่ไปเรื่อยๆจน note ทั้ง 7 ตัวติด # กันหมดนั่นเองหรือก็คือจบที่ Key F# นั่นเอง
ตัวอย่าง
Key C – C D E F G A B
Key G – G A B C D E F# (เริ่มที่คู่ 5 ก็คือ G ไล่ note เหมือนเดิมแล้วใส่ # ไปที่ตัวที่ 7)
Key D – D E F# G A B C# (เริ่มที่คู่ 5 ก็คือ D ไล่ note เหมือนเดิมแล้วใส่ # ไปที่ตัวที่ 7 และตัวที่ติด # จาก Key ก่อนหน้าต้องตามมาด้วย) - Major Scale ทาง Flat(b)
– วิธีการคล้ายๆทาง # แต่ให้นับจากคู่ 4 แทน
– ให้ใส่ Flat(b) ไปที่ตัวที่ 4
– เท่านี้ก็ถือเป็นอันเสร็จแล้วในการเขียน Key ใหม่ในทาง Flat ที่เหลือเราก็ทำวนลูปเหมือนเดิมคล้ายๆ ทาง Sharp(#) เลย
ตัวอย่าง
Key C – C D E F G A B
Key F – F G A Bb C D E
Key Bb – Bb C D Eb F G A
ภาพข้างล่างคือตัวอย่างของ Note ทุกตัว ในทุก Scale ถ้าสังเกตุดูจะเห็นว่าวิธีการเรียง Key ที่ไล่ลงมาจาก Key C จะใช้ สูตรที่ผมได้บอกไปข้างต้นหมดเลย ในกรอบแดงคือทาง Sharp(#) และกรอบสีน้ำเงินคือทาง Flat (b)
ตอนแรกเอาไว้เท่านี้โดยผมบอกก่อนว่าผมไม่ใช่นักดนตรีหรือครูสอนดนตรี Professional ในด้านนี้แต่ผมชอบและศึกษาบ้างครูพักลักจำมาบ้างวิธีการเขียนก็จะเน้นไปที่เข้าใจง่ายเเบบฉบับคนทั่วไปอ่านก็เข้าใจ ผมจะแบ่งย่อยเนื้อหาให้ไม่เยอะเกินไปในแต่ละ EP และจะทยอยเขียนเรื่อยๆ เน้นแบบว่าเรียนรู้เอาไปเล่นจริงใช้จริงได้นั่นเอง