ในงานเปิดตัว iPhone 12 ปีล่าสุดจาก Apple ทุกคนก็น่าจะได้เห็น Apple นั้นได้เปิดตัว MagSafe หรือที่เค้าพูดกันว่าเป็นที่ชาร์จไร้สายแบบ Official จากทาง Apple ผลิตออกมาขายเองแล้วนั้นเอง แล้วทำไมผมถึงคิดว่า MagSafe ยังไม่คุ้มค่าพอที่จะซื้อมาใช้ผมจะลิสมาง่ายๆ 5 ข้อ
1.MagSafe ชาร์จไฟแรงสุดที่ 15W ซึ่งถ้าชาร์จไร้สายเจ้าอื่นๆหรือ Third Party นั้นสามารถทำไปได้ถึง 20W แล้วนั้นเอง แถมราคาถูกกว่ากันเยอะด้วยอย่างเช่นของ Mi นั้นเอง
2.MagSafe เป็นแม่เหล็ก ซึ่งถ้าคนที่เคยใช้ Wireless Charger กันมาก็จะรู้ว่าที่เคยใช้กันนั้นมันไม่ได้เป็นแม่เหล็กแต่ว่ามันจะเป็นคล้ายๆแท่นวางให้เราวางมือถือแล้วมันก็จะเริ่มชาร์จเลยนั้นเอง แม่เหล็กนั้นเองทำให้เป็นข้อเสียหลักของ MagSafe ในตอนนี้เลย ลองคิดดูสิว่าเราวางโทรศัพท์ชาร์จอยู่แทนที่เราจะสามารถหยิบมือถือด้วยมือเดียวออกจากแท่นชาร์จได้เลยก็ไม่สามารถทำได้เหมือนแท่นชาร์จ Wireless ทั่วไปได้เเล้ว ต้องใช้ 2 มือในการดึงตัวที่ชาร์จของ MagSafe ออกแล้วมันจะต่างอะไรกับใช้สายชาร์จแบบเสียบ เครียดเลย – -”
3.เครียดตอนซื้อเคสอีก – เพราะมันไม่ได้ยืนยันว่าจะ Support กับเคสรุ่นอื่นทุกรุ่น เพราะว่า เคสแต่ละรุ่นความหนามันก็ไม่เท่ากันใช่ไหม เคสรุ่นไหนที่บางๆก็โชคดีหน่อยแม่เหล็กอาจจะเบาลงแต่ชาร์จได้แน่นอน แต่เคสบางรุ่นเช่นพวก เคสสไตล์ wallet case ที่เราจะใส่ บัตรเครดิต ไว้ ใส่ไว้แค่ใบเดียวตัว Magsafe ก็ชาร์จไม่ได้แล้วนั้นเอง มันจึงมาเป็นประเด็นที่ว่า ถ้าจะใช้ MagSafe ก่อนจะซื้อเคสก็ต้องคิดเยอะอีก ว่ามันจะ Support กับ MagSafe ไหม
4.ถ้าไม่ใส่เคสแล้วใช้ MagSafe ด้านหลังเครื่องเป็นรอยแน่นอน – จริงอยู่ที่ตัว MagSafe นั้นมันไม่ได้มีส่วนคมหรืออะไรแต่ๆๆๆ อุปกรณ์ทุกอย่างที่เป็นแม่เหล็กนั้นเวลาเราเชื่อมต่อกันระหว่าง 2 อุปกรณ์นั้น ในช่องว่างระหว่าง 2 อุปกรณ์นั้นมันสามารถที่จะมีฝุ่นหรือวัสดุอะไรสักอย่างที่เล็กมากๆๆๆๆ แล้วมีด้านคมแล้วไปอยู่ระหว่างช่องแม่เหล็กพอดียิ่ง ถอดแปะ เเม่เหล็กๆบ่อยๆเท่าไหร่มันก็จะยิ่งทำให้เกิดรอยถาวรมากขึ้นเท่านั้น
5.MagSafe พังแล้วพังเลย – ตัวที่ชาร์จ MagSafe สายมันฝังมากับแท่นชาร์จเลยไม่สามารถเปลี่ยนสายได้คือ ถ้าสายขาดหรือพัง ก็คือพังเลย หรือ ตัวแท่นชาร์จพังก็เปลี่ยนสายไม่ได้ก็คือถ้าฝั่งใดพังก็คือพังเลย ไม่สามารถทำอะไรได้
อันนี้ก็เป็นคร่าวๆ 5 ข้อที่ผมคิดว่า MagSafe แม่งจะใช้มันต้องคิดเยอะขนาดนี้เลยหรอวะข้อดีมันก็มีแต่ข้อเสียมันก็มีไม่น้อยเหมือนกัน แต่ถ้าให้แนะนำนะก็คือรอพวก Third Party ทำของมาขายละค่อยซื้อดีกว่าเพราะตามสไตล์ Apple ออกอะไรมาคือมันก็ดีด้วยตัวของมันอยู่เเล้วเเต่พวกบริษัท Third Party มักจะสร้าง accessories ขึ้นมาที่แก้ไขจุดอ่อนของ Apple product มาขายอยู่แล้วเพราะปัญหาพวกนี้เค้าก็คงรับรู้กันอยู่เเล้วแหละก็คงพยายามหาวิธีแก้ไขเเล้วสร้างของใหม่ๆออกมาให้เราเสียตังกัน ฮ่ๆๆๆ