ประสบการณ์และเทคนิคการหางานในอเมริกา ในช่วง Covid-19 ไม่ยากไม่ง่าย ท้อได้แต่ห้ามเลิก

ขอเกริ่นก่อนว่าผมเพิ่งจะเรียนจบปริญญาโทเมื่อเดือน พฤษภาคม 2020 ที่ผ่านมาและได้ทำงานมาได้ประมาณ 3 เดือนแล้วจากที่มีเพื่อนหลายๆคนเพิ่งเรียนจบที่อเมริกาและก็หางานเหมือนกันเยอะและเราก็คุยกันบ่อยเพราะว่าอย่างที่ทุกคนรู้ว่า Covid-19 นั้นระบาดที่อเมริกาและประเทศอเมริกาก็เริ่มใช้มาตรการต่างๆตั้งแต่ต้นปี เช่น ให้อยู่แต่บ้าน, ร้านอาหารปิด, สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆปิด ประชาชนต้อง work from home นักเรียนก็ต้องเรียนที่บ้านและผมในช่วงนั้นที่ยังเรียนไม่จบก็ไม่พ้นเหมือนกันแถมเป็นช่วงที่ต้องทำ Thesis จบด้วยทุกอย่างโดนเปลี่ยนกระทันหันเป็นทำที่บ้านทั้งหมด จะบอกว่าโคตรลำบากเลย ชีวิตลำบากมากๆ แต่สุดท้ายก็ปรับตัวจนได้แหละมั้ง

เข้าเรื่องเลยแล้วกันกับช่วงที่ผมหางานนั้นเป็นอย่างไรบ้างแล้วทำอย่างไรจึงหางานจนได้ ส่วนเรื่องการใช้ชีวิตการเรียนในช่วงที่ต้องกักตัวเพราะ Covid-19 นั้นถ้าเพื่อนๆสนใจอยากให้เล่าให้ฟังก็บอกกันได้จะได้มานั่งเขียนแชร์ให้ฟังเพราะว่าอาจจะยาวกว่าเรื่องนี้พอตัวเลย ฮ่าๆ

มาๆ จะขอลิสเป็น 4 ข้อหลักๆแล้วกัน
**เพิ่มเติมนิดหนึ่งคือ ผมมาตัวคนเดียว ไม่มีเพื่อน ไม่มี connection ใดๆเลย เริ่มจาก 0 เองตั้งแต่ต้นเลย**

1.CV หรือ Resume – หาตัวอย่างที่ดีใน Google/Youtube หรือที่ไหนก็ได้ส่วนมาก Template มันก็เหมือนๆกันแหละเป็นมาตรฐานหมด อย่าไปทำสีสันเยอะแต่งเยอะ พวกสีสันโชว์ความ Creative ไปใส่ใน Port หรือ Website ตัวเองจะดีที่สุด เพราะ สุดท้ายแล้วเราจะส่ง CV/Resume เนี่ยเป็นร้อยๆที่เราไม่รู้หรอกว่าแต่ละที่เค้าใช้คนอ่าน หรือ Software ช่วยอ่านแล้วคัดว่าอันไหนได้ไปต่อไม่ได้ไปต่อ แต่อยากจะบอกว่าเดี๋ยวนี้บริษัทในอเมริกาส่วนมากใช้ Software ในการคัด Resume/CV กันหมดแล้วถ้าระบบมันอ่านไฟล์เราแล้วไม่เข้าใจเพราะไม่ได้ทำ Resume/CV ตรงตามมาตรฐานก็จะถูกระบบตัดออกก่อนที่จะไปถึงตา HR นะค้าบบบ

2.Job Board – จริงๆหางานเนี่ยมันก็มีหลายช่องทางแต่ที่นิยมกันตอนนี้นะก็ Google, Glassdoor, Indeed จากประสบการณ์ที่ผ่านมาคือตอนแรกสมัครรัวๆใน Linkedin แล้วไปถามเพื่อนที่คณะว่าเนี่ยเราสมัครแต่จาก Linkedin เพื่อนบอกว่าเค้าเลิกใช้กันหมดแล้วส่วนมาก Linkedin คือจะเป็นประมาณแบบเราทัก DM ไปถามตรงๆเลยอย่าส่งแต่ Resume อย่างเดียวใน Linkedin จะมีความเป็น Social Network กว่าเจ้าอื่นมากๆ ยิ่งมี Connection เยอะยิ่งได้เปรียบ ถ้าส่วนตัวผมแนะนำ Glassdoor นะเพราะมันจะมี review จากคนที่เคยไปสมัครงานทั้งได้งานและไม่ได้งานและคนที่ทำงานที่บริษัทนั้นๆอยู่ ณ เวลานั้นด้วย อ่านเพลินมากๆ ฮ่าๆ

3.Spreadsheet – จริงๆยุคนี้ทำอะไรก็ตามแต่ควรมีการ Tracking เสมอ การหางานก็เช่นกันผมสร้าง Excel sheet ขึ้นมา Track เลยจดไว้ตั้งแต่งานแรกที่ส่ง Resume ไปเราจะได้จำได้ด้วยว่างานไหนสมัครไปแล้วหรือยังไม่ได้สมัครเพราะว่าพอเอาเข้าจริงแล้ว คือ งง มากๆ เพราะเราจะส่งเยอะและหลายเว็บมากและบางบริษัทก็ลง Job post ในหลายๆเว็บเหมือนกัน

4.Interview – สัมภาษณ์จริงๆก็ไม่มีอะไรมากเตรียมตัวดีๆดู Youtube เยอะๆเพราะคำถามส่วนมากไม่ต่างกันมากหรอกคล้ายๆกันหมดทุกที่แหละส่วนมากเค้าจะเน้นถามงานเก่าๆที่เราเคยทำมากกว่า กระบวนการคิด ทำไมถึงใช้วิธีนี้ ปัญหา และ ผลลัพธ์ ที่มีและที่ได้มันเป็นยังไง สุดท้ายคือต้องไปย้อนทำความเข้าใจกับงานเก่าๆของตัวเองเยอะมาก ประมาณนี้แหละตอนสัมภาษณ์

สรุป
– Resume ทำตามให้ตรงตามมาตรฐานเพราะส่วนมากที่อเมริกาส่วนมากใช้ Software คัดเป็นด่านแรกกันหมดแล้ว
– Job Search แล้วแต่สะดวกเลยแต่สำหรับผมแนะนำ Glassdoor เวลาส่ง Resume นะส่งแบบหว่านแหเลยส่งทั้งอเมริกาอ่ะอย่าจำกัดอยู่แค่ที่ใดที่หนึ่งเพราะการแข่งขันที่นี่สูงมากๆ เราต้องเพิ่มความน่าจะเป็นให้ตัวเราเองจริงไหม ไม่เลือกงานไม่ยากจน !
– Always Tracking ควรที่จะต้อง track ทุก action ของตัวเองเสมอเพราะเราไม่ได้หางานกันแค่ 2-3 อาทิตย์ จริงๆควรทำกับทุกๆอย่างแหละไม่ใช่กับแค่หางานหรอก เราจะได้เห็นภาพรวมและพัฒนาการในสิ่งต่างๆที่เราทำด้วย
– Interview การสัมภาษณ์นั้นให้เน้นไปที่งานที่ตัวเองทำดีกว่า เราเข้าใจมันแค่ไหนเราจะอธิบายงานเราให้คนสัมภาษณ์เราเข้าใจได้มากน้อยแค่ไหน พวกคำถามทั่วไปหาตาม Youtube แล้วก็เขียน Script ท่องไปก็จบแล้ว

Timeline ของตัวผมเองนะ
– เริ่มทำ Thesis ตอนเดือนมกราคา
– เริ่มหางานตอนเดือน กุมภาพันธ์
– เรียนจบเดือน พฤษภาคน
– ได้งานปลายเดือน มิถุนายน
– ใช้เวลาหางานทั้งสิ้น 4 เดือนกว่าๆ
– ผมทำ Resume ทำ Website จับงานเก่าๆที่เคยทำไปใส่ใน Website ทั้งหมด
– ตอนสัมภาษณ์โดนถามเกี่ยวกับงานที่เคยทำประมาณ 80% ให้อธิบาย ปัญหา การแก้ไข วิธีการ และ ผลลัพธ์ ประมาณนี้
– ทุกขั้นตอน สัมภาษณ์ เอกสาร ทุกอย่างทำผ่าน zoom call, โทรศัพท์, และ เอกสาร Digital หมดเลยครับ
– สมัครไปประมาณ 450 กว่าบริษัท
– สัมภาษณ์ ประมาณ 5 ที่ ก็ลองตีเป็นเปอเซนต์ดูครับ
– ตอนแรกท้อมากจะไม่หางานต่อจะกลับไทยแล้วแต่สุดท้ายก็ไม่ยอมนะเอาจนได้

นี่คือมาแชร์ให้ฟังแบบกว้างๆนะครับ สำหรับยุคนี้ในตอนนี้ จริงๆถ้าอยากให้ลงลึก ในแต่ละหัวข้อก็ทำให้ได้แต่กลัวมันจะลึกเกินไป ถ้าสนใจ อยากรู้กันจริงๆก็ลองคอมเม้นต์ไว้ได้นะครับถ้าอยากรู้แบบเชิงลึกจริงๆผมจะได้มาเขียนแชร์ให้ฟังครับ