โดยปกติแล้วผมพยายามหลีกเลี่ยงหูฟังแบบ in-ear มาโดยตลอดตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมเพราะว่าเวลาใส่หูฟัง in-ear แล้วหูผมจะเจ็บตลอดก็เลยใส่เป็นแบบ earbuds มาตลอดเพราะรู้สึกสบายหูกว่า โดยส่วนตัวแล้วเอาสบายหูมาก่อนเสียงดีเพราะถ้าใส่แล้วเจ็บหูตลอดมันจะไปมีสมาธิฟังเพลงยังไง แต่ต้องยอมรับตรงๆว่าหูฟัง in-ear ยังเสียงก็เต็มกว่าดีกว่าแบบ earbuds แถมเก็บเสียงรอบข้างได้ดีกว่า
อ่ะมาพูดถึง AirPods Pro หน่อยว่าทำไมถึงซื้อตัวนี้ บอกตรงๆว่าก่อนซื้อเนี่ยนั่งดูรีวิวในยูทูปเยอะมากๆๆๆ ประมาณ 10 รีวิวได้โดยประมาณฟังทั้ง รีวิวแบบแกะกล่อง รีวิวแบบคนใช้จริง ฟังทั้งข้อดีและข้อเสียจากหลายๆคนมากเพราะ AirPods Pro มันก็ไม่ใช่ถูกๆอ่ะเนอะ 5555555
โอเคมาเข้าเรื่องว่าทำไมถึงตัดสินใจซื้อเจ้า AirPods Pro นี่หลักๆเลยก็คือมี 2 ข้อ
1.ในรีวิวแทบทุกรีวิวนั้นพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามันดีมากๆๆๆ พูดไปทางเดียวกันหมด
2. Apple product คือซื้อมาลองไม่ชอบก็คืนได้ไม่เป็นไร ก็เลยคิดว่าไม่เสียหายอะไร
หลังจากได้มาแล้วลองใช้จริงๆแล้วปรากฏว่าชอบมากเลยแหะแบบตกใจเลยทำไมมันดีอย่างงี้เนี่ย ฮ่าๆๆ เดี๋ยวจะลิสให้คร่าวๆว่ามันดียังไงเป็นข้อๆให้ง่ายๆแล้วกัน
ข้อดี
1.Active Noise Cancellation
– ส่วนตัวคือไม่เคยใช้หูฟังที่มี Active Noise Cancelling มาก่อนพอได้มาลองกับตัวนี้คือตกใจมากๆ คือมันตัดเสียงรอบข้างออกไปได้เเบบดีจริงๆอ่ะ ยกตัวอย่างง่ายๆว่า ถ้าอยู่ในห้องที่เปิดพัดลมอยู่ถ้าใส่หูฟังทั่วไปหรือแม้แต่ AirPods Pro ตัวนี้ในโหมดปกติเราจะได้ยินเสียงพัดลมอยู่ตลอดเวลารอบๆข้างตัวเรา แต่พอเปิดโหมด Active Noise Cancelling นะ เห้ยเสียงรอบๆมันหายไปหมดเลยว่ะ แบบเงียบกริ๊บเลย เอาไปลองบนถนนอีกคือเสียงรถที่วิ่งอยู่รอบๆก็ยังได้ยินแต่คือเบามากอ่ะ ถ้าออกไปวิ่งหรืออกกำลังกายข้างนอกห้ามเปิดโหมดนี้เลยอันตรายมาก โดยรวมคือโหมดนี้ดีมากๆ เพราะว่ามันรู้สึกถึงความแตกต่างได้อย่างชัดเจนเลยว่าเปิดอยู่หรือปิดอยู่ โหมดนี้น่าจะเหมาะที่จะใช้ใน คาเฟ่ หรือ ห้องสมุด ที่คนเยอะๆแล้วอยากอยู่เงียบๆคนเดียว
อีกประเด็นคือ AirPods Pro เนี่ยมันเล็กมากเลยนะแถมมีโหมด Noise Cancelling มาให้ถ้าเทียบกับพวก headphone ใหญ่ๆแบบครอบหูคือตัวนี้มันจะมีความ EDC (Every Day Carry) มากกว่าพกพาสะดวกเก็บไว้ในกะเป๋ากางเกงได้อยากใช้ก็หยิบขึ้นมาใช้ได้เลย
2.Transparency Mode
– โหมดนี้จะเหมือนเป็นขั้วตรงข้ามกับข้อ 1 โหมด Active Noise Cancellation คือเปิดโหมดนี้ปุ๊บเสียงรอบข้างมาเต็มถึงแม้หูฟังมันจะเป็น in-ear ก็จริงแต่มันสามารถดูดเสียงรอบข้างเข้ามาได้อย่างดีเลย ถ้าในสมัยก่อยหูฟัง in-ear ทั่วไปหน่ะเวลาใส่เข้าไปเสียงรอบข้างโดยปกติก็จะเงียบไปประมาณหนึ่งอยู่แล้วเพราะว่าหูฟังมันเข้าไปข้างในหูเราเลย แต่เจ้า AirPods Pro เนี่ยมันมี เทคโนโลยี ของมันทำให้โหมดเนี่ยให้ความรู้สึกว่าเหมือนเราใส่หูฟัง earbud อยู่โดยเสียงรอบข้างยังสามารถได้ยินชัดเลย
3.Customizable fit & Eartip size
– อันนี้ขอเรียกว่าเป็นความใส่ใจของ Apple เองก็แล้วกันคือตอนเปิดกล่องมามันจะมี eartip มาให้ถึง 3 ไซส์ small, medium, large โดยที่ size M นั้นจะถูกใส่มากับตัวหูฟังอยู่แล้ว จากข้างต้นที่ผมบอกไปว่าผมเป็นคนที่ใส่หูฟัง in-ear แล้วเจ็บมาตลอด พอรู้ว่ามันจะมีหลาย size ให้เลือกได้ก็เลยอุ่นใจล่วงหน้าแล้วว่าต้องใส่ size เล็กสุดแน่ๆ แต่พอเอาเข้าจริงแกะออกมาจากล่องปุ๊บใส่ size M ที่มันติดตั้งมาให้แล้วเห้ย พอดี ไม่เจ็บหู คือดีมากๆเลย แล้วอีกข้อดีก็คือ เวลา connect กับ iPhone แล้วเราสามารถทำ ear fit test ได้มันจะมีในเครื่องให้เราเลย สามารถทดลองความฟิตของ eartip แต่ละ size ได้โดยตัว feature นี้มันจะบอกเราเลยว่าไซส์ไหน Perfect fit กับหูของเรา
4.Vent system
– การออกแบบ Vent system ของ AirPods Pro เนี่ยผมขอยกนิ้วโป้งให้เลยเพราะว่ามันอาจจะเป็นการออกแบบที่ทำให้ผมใส่หูฟัง AirPods Pro ซึ่งเป็นหูฟังแบบ in-ear แล้วไม่เจ็บหู คือ Apple เค้าออกแบบ AirPods Pro ให้มีระบบ Vent system ก็คือเพื่อปรับแรงดันจากด้านในหูและด้านนอกหูให้มันเท่าๆกันเพื่อป้องกันการเจ็บหูจากแรงดันนั้นเอง ถ้าลองสังเกตุเวลาเราใส่หูฟัง in-ear ทั่วไปเวลาเราใส่เข้าไปในหูมันเหมือนกับว่าเราเอาอะไรไปอุดหูไว้แล้วไม่ได้มีช่องลมระบายให้ลมจากหูออกจากช่องทางหูได้ปกติมันจะเกิดแรงดันภายในทำให้บางทีเราเจ็บหูนั้นเอง การออกแบบให้มี Vent system นั้นจึงเข้ามาปรับแรงดันตรงนี้ทำให้อาการเจ็บหูมันไม่เกิดขึ้น
5.Spatial Audio
– หรือจะเรียกเป็นโหมดเบบ Hi-def ก็ได้นะ ใน iOS14 มันมีอัพเดท Firmware ใหม่ของ AidPods Pro ก็คือเจ้าโหมด Spatial Audio ก็คือโหมดที่จะทำให้เรารู้สึกว่าเราฟังเพลงหรือดูหนังแบบ เสียง surround รอบตัวอารมณ์เหมือนอยู่ในโรงหนังแหละ แต่การจะใช้โหมดนี้คือตัวไฟล์เพลงหรือหนังที่เราดูนั้นจะต้อง support โหมดนี้ด้วยไม่งั้นเปิดไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะ
6.การเชื่อมต่อ
– เชื่อมต่อครั้งแรกแล้วหลังจากนั้นแค่เปิดฝามันก็ต่อให้ละแบบเร็วจนตกใจเปิดปุ๊บต่อติดปั๊บเลย 55555
ข้อเสียก็มี แต่สำหรับผมมีข้อเดียวแล้วกันถือว่าเป็นข้อที่ impact มากเลยนะ
1.Volume adjustment
– คือหูฟังเจ้า AirPods Pro เนี่ยเราสามารถใช้ gesture ได้หลายอย่างเช่น หยุดเพลง, เล่นเพลง, เปลี่ยนเพลงไปหน้าหลัง, ปรับโหมด active noise cancelling หรือ transparency mode แต่ !!! มันปรับความดังเบาของเสียงไม่ได้อ่ะ งง มาก ต้องปรับที่ตัว iPhone เองหรือถ้ามี Apple watch ก็ปรับที่ Apple watch ได้ หรือ วิธีสุดท้ายคือ เรียกให้ Siri มันปรับให้ แต่เวลาเรียก Siri เราก็ต้องมี iPhone อยู่ใกล้ๆอยู่ดี อันนี้ผมขอให้เป็นข้อเสียเดียวของ AirPods Pro เลยแล้วกันเพราะว่ามัน impact ต่อการใช้งานมากๆ
ทั้งหมดก็น่าจะประมาณนี้สำหรับการพูดถึง AirPods Pro ตัวล่าสุดของ Apple จากประสบการณ์การใช้งานส่วนตัวจากผมเอง แล้วก็ถ้าใครสงสัยว่าทำไมไม่พูดถึงเรื่องคุณภาพเสียงสักเท่าไหร่หรือเจาะลึกเลยต้องบอกเลยว่า เรื่องคุณภาพเสียงนี่มันเป็นความชอบส่วนตัวบางคนอาจจะชอบบางคนอาจจะไม่ชอบเสียงแบบนี้ bass เยอะ bass น้อย อะไรก็แล้วแต่ แต่ขอพูดสั้นๆแล้วกันว่า เสียงมันไม่ได้แย่ ไม่ได้กาก จากประสบการณ์คนเคยซื้อหูฟังราคา 2 หมื่นอัพมาแล้ว โดยส่วนตัวเลยอยากจะโฟกัสไปที่ Feature ที่ดีของมันและการดีไซน์ ผมก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม Airpod ถึงเป็น Product ที่ขายดีที่สุดของ Apple มันดีเเบบ overall และ edc สุดๆนั้นเอง